Paracetamol (พาราเซตามอล)

ข้อควรรู้และข้อควรระวังก่อนใช้ยา

  1. ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ยาพาราเซตามอล
  2. ห้ามใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาดที่แนะนำในฉลาก เอกสารกำกับยา และควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเท่านั้น หากใช้ยาเกินขนาดที่แนะนำ อาจเกิดพิษร้ายแรงและตับวายจนทำให้เสียชีวิตได้
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เพราะอาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด
  4. ถ้ามีไข้สูง (อุณหภูมิร่างกายมากกว่า 39.5 เซลเซียส) ให้รีบไปพบแพทย์
  5. หากท่านมีโรคประจำตัวเป็นโรคตับ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ เพราะอาจเกิดอันตรายจากยานี้ได้ง่ายขึ้น
  6. กินยาพาราเซตามอลก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
  7. เป็นยารักษาตามอาการ หากไม่มีอาการปวดหรือไข้ไม่จำเป็นต้องกินยา
  8. การกินยาพาราเซตามอลติดต่อกันนานเกินไป ขนาดยามากเกินไป หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย อาจส่งผลให้ตับทำงานบกพร่อง และอาจเกิดภาวะตับอักเสบหรือตับวายได้

ขนาดยาที่แนะนำให้ใช้ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
          ในประเทศไทย ยาพาราเซตามอลมีหลายรูปแบบ และหลากหลายความแรง เช่น ในผู้ใหญ่ที่ใช้เป็นยาเม็ด โดยในยา 1 เม็ด อาจประกอบด้วยตัวยาพาราเซตามอลขนาด 325 มิลลิกรัม หรือ 500 มิลลิกรัม และในเด็กที่ใช้เป็นยาน้ำ โดยในยาน้ำ 1 ช้อนชา (5 ซีซี) อาจประกอบด้วยยาพาราเซตามอลขนาด 120 มิลลิกรัม 160 มิลลิกรัม หรือ 250 มิลลิกรัม เป็นต้น

          ขนาดยาพาราเซตามอลที่ถูกต้อง ควรกินตามน้ำหนักตัว โดยในการกินยา 1 ครั้ง แนะนำให้ใช้ยาขนาด 10-15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ถ้าหากนำน้ำหนักตัวมาคำนวณแล้วเกินกว่า 10-15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) แปลว่าใช้ยาเกินขนาด ซึ่งอาจทำให้เกิดพิษร้ายแรงต่อตับได้

  • ในผู้ใหญ่ แนะนำให้กินครั้งละ 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง ไม่ควรกินเกิน 8 เม็ดต่อวัน หรือ 4 กรัม/วัน และไม่ควรกินยาต่อเนื่องเกิน 5 วัน
  • ในเด็ก หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อย หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคตับ อาจจำเป็นต้องปรับขนาดยา ดังนั้นแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนกินยา เพื่อจะได้กินยาในขนาดที่ถูกต้อง เหมาะสม ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

อันตรายจากยาพาราเซตามอลที่ไม่ควรมองข้าม

  • หากกินแล้วเกิดอาการ บวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ลมพิษ หน้ามืด เป็นลม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ผื่นแดง ตุ่มพอง หรือผิวหนังหลุดลอก อาจเป็นอาการแพ้ยา แนะนำให้หยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที
  • หากจำเป็นต้องกินยาต่อเนื่องแล้วเกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้มขึ้น ซึ่งเป็นอาการแสดงเมื่อได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด แนะนำให้หยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาพาราเซตามอล
          ในผู้ป่วยบางรายอาจมีความเข้าใจผิด กินยาพาราเซตามอลทั้งที่ไม่มีอาการผิดปกติ เช่น กินยาดักไว้ก่อน เพื่อป้องกันอาการไข้ ถือเป็นการใช้ยาที่ไม่สมเหตุผล และไม่ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษา ทั้งยังอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงจากยาได้ ดังนั้นหากยังไม่มีอาการไข้ ไม่จำเป็นต้องกินยาดักไว้ก่อน

วิธีเก็บยาที่ถูกต้องเพื่อให้คงประสิทธิภาพในการรักษา

  1. ควรเก็บยาไว้ในภาชนะเดิม แผงเดิม ที่ปิดสนิท
  2. เก็บยาให้พ้นความชื้น แสงแดด และความร้อน (ควรเก็บในที่มีอุณหภูมิห้องไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส) เพราะหากอุณหภูมิสูงจะทำให้ยาเสื่อมสภาพ
  3. ควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง